แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โทรทัศน์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โทรทัศน์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ช่องทีวีไทยในความทรงจำ [สัปดาห์ทีวี 2021]


นับตั้งแต่เริ่มมีสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2498 มีหลายช่องรายการ และหลายสถานีโทรทัศน์ ทั้งทีวีภาคพื้นดิน ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี รวมไปถึงช่องทีวีในระบบอินเทอร์เน็ต ที่บางช่องปิดตัวลงไป ทั้งมีประกาศอย่างเป็นทางการ และบางช่องปิดตัวไปอย่างเงียบ ๆ ก็มี

แต่ทว่าวงการโทรทัศน์ของไทยในขณะนี้ กำลังปรับตัวกับการเข้ามาของวิดีโอสตรีมมิงมากมาย ทั้งไลน์ทีวี, เน็ตฟลิกซ์, วีทีวี, วิว, อ้ายฉีอี้, ป๊อปส์ หรือเจ้าใหม่อย่าง ดิสนีย์พลัสฮอตสตาร์ ที่กำลังจะช่วงชิงการบริโภคและชีวิตประจำวันของคนไทยจากที่เคยดูทีวีแต่ก่อน มาเป็นการจับสมาร์ทโฟนเปิดแอปทีวีหรือชมย้อนหลังผ่านวิดีโอสตรีมมิงแทน

แต่ถ้าหลายคนคงนึกถึงไม่ได้ นั่นคือ ช่องทีวีในอดีต ที่มีรายการที่หลากหลาย ตั้งแต่รายการข่าว สาระ บันเทิง หรือแม้แต่รายการขายของ ทั้งขายตรงและแอบแฝง บางช่องอาจหารายได้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น โฆษณา กิจกรรมการตลาด ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็เพื่อความอยู่รอดของแต่ละบริษัทเจ้าของช่องรายการ แต่ในบางช่อง ถูกปิดตัวลงเนื่องจากกรณีต่าง ๆ เช่น สั่งให้ปิดช่องเนื่องจากเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น

และนี่คือกรณีศึกษาของ "บางส่วน" จากทีวีในอดีต ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งทีวีภาคพื้นดิน ช่องดาวเทียม และบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งครอบคลุมทั้งช่องทั่วไป ช่องข่าว ช่องกีฬา ช่องบันเทิง และอีกมากมาย

 

ไทยสกายทีวี (2534-2540)

คนยุค 90 ที่มีเงินเดือนสูงคงรู้จักชื่อนี้ดี ไทยสกายถือกำเนิดขึ้นในปี 2534 โดย "คีรี กาญจนพาสน์" เจ้าของกลุ่มบริษัทธนายง ซึ่งให้บริการผ่านระบบ MMDS (เสาเดือยหมู) ต่อมาเพิ่มช่องทางผ่านดาวเทียม โดยหลังสุดมีจำนวนช่องที่ออกอากาศ 12 ช่อง เช่น CNN, BBC World, TNT&Cartoon Network, ESPN และช่องรายการที่ผลิตเอง ส่วนใหญ่เป็นข่าวระดับท้องถิ่น ภาพยนตร์ไทยเก่า ๆ ละครไทยเก่า ๆ เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ ในปี 2535 ไทยสกายยังเป็นเจ้าภาพในการจัดการประกวดนางงามจักรวาลปี 1992 อีกด้วย

ในช่วงสถานการณ์วิกฤตต้มยำกุ้ง ไอบีซีและยูทีวีต่างพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ไทยสกายกลับด้าน สมาชิกลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคม 2540 ไทยสกายถูกชินแซทเทิลไลท์ตัดจอดำเนื่องจากค้างค่าเช่าสัญญาณดาวเทียม ทำให้ต้องปิดตัวลงไปในที่สุด

 

ไอบีซี และ ยูทีวี (2532-2541)

นอกจากไทยสกายแล้ว จะพูดถึงเจ้าใหญ่ 2 เจ้าอย่างไอบีซีและยูทีวีไม่ได้ ไอบีซี ถือกำเนิดจากนายทุนแห่งกลุ่มชินฯ อย่าง "ทักษิณ ชินวัตร"

 

พีทีวี (ปลายปี 2550-มีนาคม 2551) และ สถานีประชาธิปไตย/สถานีประชาชน (2552-2553)

ช่องการเมืองระยะสั้น ๆ ที่ก่อตั้งโดยบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด โดยคนในวงการเมืองถึง 6 คนด้วยกัน ซึ่งแต่เดิมจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 1 มีนาคม 2550 แต่ทว่ากลับไม่สามารถออกอากาศตามแผนได้ ทำให้ต้องไปจัดรายการให้กับช่อง MVTV แต่สัญญาณดาวเทียมถูกขัดจังหวะ เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของทหารที่ส่งสัญญาณรบกวนการออกอากาศรายการของพีทีวีนั้นเอง

ต่อมาในภายหลังจึงสามารถออกอากาศอย่างเต็มรูปแบบได้ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน แต่เนื่องจากงบประมาณในการบริหารไม่เพียงพอ รวมไปถึงเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว คือมีความเป็นประชาธิปไตย ได้รัฐบาลใหม่แล้ว จึงยุติการออกอากาศลง โดยแถลงข่าวปิดช่องเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2551

ช่วงหลังพีทีวีปิดตัว "เพื่อนพ้องน้องพี่" ได้มีโอกาสร่วมผลิตรายการให้กับช่อง 11 ในชื่อ "ความจริงวันนี้" โดยเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2551 และถูกระงับออกอากาศลงตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ปีเดียวกัน

ปี 2552 บริษัท ดี-สเตชั่น จำกัด ของ "อดิศร เพียงเกษ" ได้จัดตั้ง "สถานีประชาธิปไตย" หรือ DTV โดยเนื้อหาส่วนใหญ่นั้นเป็นรายการส่งเสริมประชาธิปไตย นอกนั้นเป็นรายการข่าว ปกิณกะ และศิลปวัฒนธรรม

โดยรายการ "ความจริงวันนี้" ได้เข้ามาอยู่ใน DTV นั้นด้วย นอกจากนี้ สถานีแห่งนี้ยังมีรายการมากมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมือง ด้วยนักการเมืองและนักวิจารณ์ทางการเมือง

DTV ถูกระงับออกอากาศเนื่องจากมีเนื้อหาที่ทำให้เกิดความไม่สงบของบ้านเมือง ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2552 โดยไทยคมได้ตัดสัญญาณจอดำโดยอาศัยตาม พรก.ฉุกเฉิน ในท้องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงได้เข้าไปปิดกั้นเว็บไซต์ของ DTV ด้วย

แต่การดำเนินงานนั้นยังไม่เสร็จสั้น คณะผู้บริหาร ผู้ประกาศ และพิธีกรชุดเดิม ได้ดำเนินการต่อในนาม "สถานีประชาชน" โดยเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียมต่างประเทศแทน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่องนี้ได้ปิดตัวลงไปเนื่องจากถูกสั่งปิดโดยรัฐบาล ซึ่งมีผลมาจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นำไปสู่เหตุเพลิงไหม้โรงภาพยนตร์สยาม, เซ็นทรัลเวิลด์ และที่อื่น ๆ โดยรวมเวลาออกอากาศ 1 ปีพอดี

 

Asia Update/TV 24 (2553-2561)

หลังจากสถานีประชาชนถูกปิดตัวลง ได้มีช่องทดแทนในชื่อ "Asia Update" (เอเชียอัปเดต) ซึ่งก่อตั้งโดยสำนักข่าว DNN โดยเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 และถูกสั่งปิดภายใต้กฎอัยการศึก ในช่วงก่อนรัฐประหาร 2557 นั้นเอง ภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อเป็น TV 24 ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ปีเดียวกัน

จนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 TV 24 ปิดตัวลง และหันมาทำทีวีออนไลน์ผ่านเว็บไซค์ยูทูบแทน แต่ในปี 2563 ได้เปลี่ยนชื่อกลับไปเป็น Asia Update ตามเดิม

TV 24 ถูกระงับการออกอากาศมาแล้ว 2 ครั้ง ในเดือนเมษายน 2558 เป็นเวลา 7 วัน เนื่องจากมีเนื้อหาขัดต่อประกาศ คสช. และในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2560 เป็นเวลา 30 วัน เนื่องจากมีเนื้อหาบางรายการขัดต่อเงื่อนไขอนุญาตประกอบกิจการ


T News (2553-2559)

สำนักข่าวทีนิวส์ ของ "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" ได้จัดตั้งช่องข่าวผ่านทีวีดาวเทียมขึ้นในปี 2553 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2559 ปิดตัวลง โดยมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทีนิวส์ได้ร่วมมือกับไบรท์ทีวี ผลิตรายการข่าวอย่าง "สดลึกจริง" และ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ก่อนที่ไบรท์ทีวีจะปิดตัวลงในปี 2561

ปัจจุบันสำนักข่าวทีนิวส์ อยู่ภายใต้เครือเนชั่น ส่วนสนธิญาณ ไปจัดตั้ง "TOP NEWS" (ท็อปนิวส์) โดยนำผู้ประกาศข่าวเนชั่นบางส่วนมาอยู่ในช่องนี้ และเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564

 

FAN TV (10 ตุลาคม 2551-31 มกราคม 2564)

"ใกล้ชิดเหมือนสนิทแฟน" ช่องดาวเทียมช่องแรกสุดของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (ไม่นับรวม Money Channel) ที่นำเสนอเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง รวมไปถึงรายการวาไรตี้ต่าง ๆ มากมาย ภายหลังได้เพิ่มเพลงไทยสากลเข้าไปด้วย และนับแต่ช่อง GMM Music ปิดตัวลง ได้มีการเปลี่ยนชื่อช่องเป็น FAN Music ภายหลังกลับมาใช้ชื่อแฟนทีวีเช่นเดิม

รายการที่เคยออกอากาศทางฟรีทีวีอย่าง "เพลงติดดาว", "คลื่นแทรก คลื่นแซ่บ" ก็ย้ายมาอยู่ช่องแฟนทีวีด้วย

ยุคหลัง ๆ เป็นรายการเพลงแบบ Non-Stop มีทั้งเพลงใหม่และเพลงเก่า ทั้งสตริงและลูกทุ่ง จนในที่สุด แฟนทีวีได้ยุติการออกอากาศในคืนวันที่ 31 มกราคม 2564

 

Bang Channel (2 กุมภาพันธ์ 2552-31 ธันวาคม 2558)

ช่องนี้ผลิตโดยจีเอ็มเอ็มทีวี โดยแต่เดิมช่องนี้ออกอากาศทางจานเหลืองดีทีวี ช่อง 11 ในชื่อ "Bang TV" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Bang Channel ในเวลาต่อมา โดยรายการที่ออกอากาศประกอบด้วย รายการและละครของจีเอ็มเอ็มทีวี ที่รีรันมาจากฟรีทีวี และรายการ Original เช่น "หวานเกล้าเจ้าเจี๊ยว", "แตกฟอง LIVE", "A-Port", "The Artist", "รักจริงปิ๊งเก้อ", "มาจิเด๊ะ! เจแปน" รวมไปถึง "เทยเที่ยวไทย" ก็เกิดมาจากช่องแบงด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันออกอากาศอยู่ที่ช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ทุกคืนวันอาทิตย์


GTH On Air (24 พฤษภาคม 2554-31 ธันวาคม 2558)

ช่องวาไรตี้ที่ผนึกกำลังกันระหว่างแกรมมี่, จีทีเอช และนิตยสารอิมเมจ ในชื่อ "Play Channel" (เพลย์ แชนแนล) โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ในยุคแรกเป็นรายการปกิณกะ พูดคุย ท่องเที่ยว ฯลฯ รายการเด่นในยุคนั้นเช่น "ภาษาพลาซ่า", "ตามไปดู", "OMG", "เห่าหอนนอนไม่หลับ", "อาสาสนุก" จนกระทั่งมีรายการประจำวันอย่าง "สุภาพสตรีหมายเลข 1" และ "Play Gang"

ยุคหลัง ๆ เริ่มมีรายการที่เกี่ยวข้องกับจีทีเอชมากขึ้น อย่าง "สถานี GTH", "Feel Good Be Good" รวมไปถึง "The Artist Series" ในโอกาสต่าง ๆ และในปี 2556 เปลี่ยนชื่อเป็น "GTH On Air" (จีทีเอชออนแอร์" โดยสามารถรับชมผ่านกล่อง GMM Z เท่านั้น (แต่ในทางอ้อมอาจหารับชมผ่านเคเบิลทีวีชั้นนำ) โดยจุดขายมาจาก ฮอร์โมนส์ภาคใหม่นั้นเอง ที่ต้องซื้อกล่องแซทเพื่อดูซีรีส์ฮอร์โมนส์ แต่ภายหลังได้เพิ่มช่องทางทีวีดิจิทัลช่องจีเอ็มเอ็ม แชนแนล (จีเอ็มเอ็ม 25 ในปัจจุบัน) นอกจากนี้ ละครที่ออกอากาศทางทีวีดิจิทัล จะออกอากาศคู่ขนานไปด้วย แต่ความพิเศษคือ GTH On Air จะออกอากาศในรูปแบบ Uncut และมีเพลงจากละครให้ได้ฟังได้ชมหลังจบตอนอีกด้วย

ช่องนี้ปิดตัวลงพร้อมกับการยุติการดำเนินงานของจีทีเอช โดยวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ออกอากาศวันสุดท้าย โดยรายการสุดท้ายที่ออนแอร์คือ ภาพยนตร์ "15 ค่ำ เดือน 11" จากนั้นจึงเป็นคลิปรวมความประทับใจของทั้งช่อง GTH On Air (มาในเพลงอยากหยุดเวลา) และค่ายหนังจีทีเอช (มาในเพลงหนังไม่จบจากหัวใจ) ก่อนจะอำลาด้วยคำว่า "ขอบคุณที่รักกัน"

 

You Channel/Series Channel/SAT Variety (1 สิงหาคม 2552-2562)

ช่องเพลงสตริงในเครืออาร์เอส เปิดตัวพร้อมกับช่องสบายดีทีวี โดยมีรายการมากมายทั้งรายการจัดสด หรือรายการแนววัยรุ่น ยกตัวอย่างเช่น "You Live", "You Release", "Hi School", "Club Hi Friend", "Gossip Teen News" ในยุคหลังเช่น "You เหงา", "เพลงสดสด", "VAMP Family", "Play Store", "กามิติดมัน" รวมไปถึง "21 วัน ฉันรักนาย" ซีรีส์เรื่องแรกและเรื่องเดียวของกามิกาเซ่ นำแสดงโดยกามิรุ่นใหม่มากมาย นำโดย เติร์ด, มาร์ค, อิสเบล เป็นต้น

You Channel ปรับรูปแบบเป็นเพลงสตริงแบบ Non Stop จนยุติการออกอากาศเมื่อ 2 กรกฎาคม 2561 โดยเปลี่ยนเป็นช่องซีรีส์ 24 ชั่วโมง ที่รีรันมาจากช่อง 8 และเปลี่ยนเป็น "SAT Variety" ช่องทางเลือกสำหรับรับชมรายการย้อนหลังของช่อง 8 และช่องดาวเทียมอื่น ๆ แต่ต้องปิดตัวลงอย่างเงียบ ๆ ในช่วงกลางปี 2562

 

สบายดีทีวี (1 สิงหาคม 2562-31 พฤษภาคม 2563)

อีกช่องที่เปิดตัวพร้อม ๆ กับช่อง You Channel เป็นช่องแนวเพลงลูกทุ่งฟังสบายจากค่ายอาร์สยาม เสริมด้วยรายการข่าวบันเทิงและวาไรตี้ต่าง ๆ รายการด่นของช่องอาทิ "บุษบาวาไรตี้", "สดชื่น", "บันเทิงมื้อเที่ยง", "กุ๊กกิ๊ก" ฯลฯ รวมไปถึงได้จัดคอนเสิร์ตสัญจรมาแล้วหลายปี หลายครั้ง

แต่ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนเป็นเพลงหลายแนวมากขึ้น ไม่จำกัดเพียงลูกทุ่งอีกต่อไป แต่สุดท้ายได้ยุติการออกอากาศลง โดยเปลี่ยนมาเป็นช่อง RS Mall Channel ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นมา


ทีแชนแนล (1 กุมภาพันธ์ 2548-14 กรกฎาคม 2553)

"มีเดีย ออฟ มีเดียส์" เจ้าของรายการลูกทุ่งชื่อดังอย่าง "เวทีไท" ได้ก่อตั้งทีแชนแนลขึ้น โดยยุคแรกออกอากาศทาง MVTV3 โดยออกอากาศสดครึ่งวัน รีรันครึ่งวัน ภายหลังลดเวลาออกอากาศสดเหลือ 8 ชั่วโมง รีรัน 2 ครั้ง ต่อมาได้ย้ายไปอยู่จานดำซีแบนด์ และได้ลงจอยูบีซี-ทรู (ทรูวิชั่นส์ในเวลาต่อมา) ในปี 2549 ที่ช่อง 58 แต่ทว่าในปี 2550 ทีแชนแนลเตรียมปิดตัวลง ทรูวิชั่นส์จึงยื่นข้อเสนอให้ออกอากาศต่อเป็นเวลา 3 ปี แบบ Exclusive ถึงปี 2553

ภายหลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างของมีเดียส์ โดยย้ายธุรกิจสื่อทั้งหมดให้กับบริษัทลูกอย่าง "มีเดีย สตูดิโอ" แต่เมื่อใกล้หมดสัญญากับทางทรูวิชั่นส์ มีเดีย สตูดิโอ กลับไม่ต่อสัญญา กลายเป็นเพลงลูกทุ่ง Non-Stop จนกระทั่งเปิดตัวช่อง TLTV ไทยลูกทุ่ง (ภายหลังเป็นช่อง Thaiไทย) ทีแชนแนลจึงยุติลงตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2553 เป็นต้นมา

 

ช่องในเครือไลฟ์ ทีวี/สไมล์ เน็ตเวิร์ค (2548-2560)

แต่เดิมเจ้าของบีเอ็นที ทีวี โดยได้จัดตั้ง "Smile Network" ขึ้นตั้งแต่ปี 2548 โดยมีช่องรายการแรกเริ่ม 6 ช่อง ได้แก่ Movie 1, Movie 2, EDN, POP, รักไท ทีวี และ World Fashion Thailand

ในปี 2549 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น "ไลฟ์ ทีวี" (Live TV) ตามบริษัทแม่คือ ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น ทำให้ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน "อิทธิพัฒน์-" ได้ตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ บริษัท มีเดีย คอมมูนิเคชั่น เน็ทเวอร์ค จำกัด และได้ตั้ง Smile Network ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

โดย Smile Network ใหม่นี้ ประกอบด้วย 8 ช่องรายการ โดยแบ่งเป็น 5 ช่องหลัก คือ Movie Mania ช่องหนังและซีรีส์, Popper ช่องเพลงป็อป, รักไท ทีวี ช่องเพลงลูกทุ่ง, Panorama 07 ช่องสารคดี และ World Fashion Thailand ช่องแฟชั่น อีก 3 ช่องนั้น คือช่องจาก MTV จำนวน 3 ช่องรายการ MTV Asia, VH1 และ Nickelodeon แต่ไม่นานก็ยุติการดำเนินงานลง

ส่วนไลฟ์ทีวีได้เริ่มปรับปรุงช่องรายการหลายต่อหลายครั้ง โดยมีช่องเด่นอยู่น้อยช่องเท่านั้น เช่น "ไทยไชโย" ช่องเพลงลูกทุ่งและเพลงเพื่อชีวิตหลากหลายแนว เป็นช่องที่มีอายุยาวนานที่สุดในตระกูล Live TV (ถึง 31 สิงหาคม 2560 ภายหลัง Wish Channel ซื้อกิจการไทยไชโย แต่เปลี่ยนชื่อช่องเป็น "ไทไชโย" ตั้งแต่ปี 2562), "POP TV" (เดิมคือ Pop Culture Club, POP Culture Club) ช่องเพลงสตริงทั้งไทยและเทศ, ช่องกีฬา เช่น "MUTV" ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, "Football Plus" และ "Sport Plus" (ทั้ง 3 ช่องโอนให้กับแกรมมี่ในภายหลัง), "Miracle" ช่องวาไรตี้สยองขวัญลี้ลับและเรื่องแปลกเหลือเชื่อ โดยได้กันตนาร่วมผลิต ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "มิติ 4"  (ภายหลังกันตนาได้แยกไปทำช่อง Miracle ด้วยตนเอง และได้ไปอยู่ในตารางช่องของทรูวิชั่นส์ด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว)


สถานีวิทยุโทรทัศน์ไททีวี (2539-2556)

เครือข่ายผ่านระบบ MMDS (เสาเดือยหมู) โดยได้ทำสัญญาไว้กับกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งออกอากาศอยู่ 3 ช่องผ่านช่องที่ 7-9 ประกอบด้วย 1. เนชั่นแชนแนล (เนชั่นทีวี 22 ในปัจจุบัน) 2. ช่องทั่วไป 3. ช่อง MVTV (ภายหลังช่องนี้เปลี่ยนเป็นช่องเพลง)


Money Channel (28 เมษายน 2548-31 ธันวาคม 2561)

ช่องที่ร่วมทุนกันระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในชื่อบริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว จำกัด เป็นช่องเศรษฐกิจและการเงินช่องแรกของไทย ซึ่งออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ และรายการวาไรตี้ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน


Gang Cartoon Channel (23 กรกฎาคม 2551-31 สิงหาคม 2563)

โรส วิดีโอ (ต่อมาคือ โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ได้ผลิตรายการ "แก๊งการ์ตูน" ทุกเช้าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 5 มาตั้งแต่ปี 2550 ภายหลังได้เริ่มออกอากาศช่องแก๊งการ์ตูนขึ้น ผ่านจานดำระบบซี-แบนด์ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการ์ตูนและรายการสำหรับเด็กมากมาย ซึ่งส่วนมากมาจากญี่ปุ่น และยังมีรายการวาไรตี้อื่น ๆ มากมาย ภายหลังเหลือเพียงรายการการ์ตูนเพียงอย่างเดียว

บุคคลในช่องแก๊งการ์ตูนที่มีชื่อเสียง เช่น พลอย-พงษ์รตี, แพทตี้-อังศุมาลิน, นิด้า-ปณิดา รวมไปถึงพิธีกรนิรนามอย่าง โอตาคุแมน, โอตาคุเรด, โอตาคุมายา, ชินโอตาคุ เป็นต้น


กรุงเทพธุรกิจทีวี/นาว 26/สปริง 26 (9 กันยายน 2555-15 สิงหาคม 2562)

เดิมเป็นช่องกรุงเทพธุรกิจ ช่องข่าวเศรษฐกิจและข่าวสารต่าง ๆ แต่ภายหลังประมูลทีวีดิจิทัลทางช่อง 26 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น NOW 26 แทน ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2557 และได้เพิ่มรายการวาไรตี้ให้หลากหลายขึ้น รายการเด่นคงไม่พ้นการถ่ายทอดสดกีฬา "แม็กซ์มวยไทย" ทั้ง 7 วันเต็ม

จนกระทั่งในปี 2562 เปลี่ยนชื่อเป็น สปริง 26 (Spring 26) แต่ไม่นานได้มีการคืนใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ และยุติการออกอากาศเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 15 สิงหาคม 2562


สปริงนิวส์ (5 มีนาคม 2553-15 สิงหาคม 2562)

ช่องข่าว 24 ชั่วโมง ภายใต้บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมีแนวคิดคือเสนอข่าวที่เป็นความจริง และเชื่อถือได้ และได้เข้าประมูลทีวีดิจิทัลทางช่อง 19

ในปี 2560 ร่วมมือกับ CNN สำนักข่าวชื่อดังจากสหรัฐ ร่วมมือกันปรับปรุงการนำเสนอข่าวและนำเสนอเนื้อหารายการให้ทัดเทียมระดับโลก ต่อมาก็ถูกทีวีไดเร็คซื้อกิจการสปริงนิวส์ในปี 2561 และยุติการลงทุนในช่วงต้นปี 2562

ปัจจุบันช่องสปริงนิวส์ไม่มีแล้วตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2562 แต่ยังมีสำนักข่าวและสื่อออนไลน์ที่ใช้ชื่อ Spring อยู่ และเป็นส่วนหนึ่งของเครือเนชั่น


MCOT Family (1 เมษายน 2557-15 กันยายน 2562)

ช่องรายการสำหรับเด็กในเครือ อสมท เริ่มแรกออกอากาศในชื่อ "MCOT KIDS & FAMILY" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "MCOT Family" ในภายหลัง รายการที่ออกอากาศมีทั้งการ์ตูน รายการสำหรับครอบครัว และรายการบันเทิง ภายหลังได้เพิ่มรายการแนะนำสินค้าในชื่อ "Outlet พระราม 9" จนกระทั่งยุติการออกอากาศ


วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564

เส้นเวลาทีวีโลก [สัปดาห์ทีวี 2021]

 

 

โทรทัศน์ ถือได้ว่าเป็นความบันเทิงที่ทุกคนต้องมี แต่เชื่อหรือไม่ว่า แต่ก่อนนั้น โทรทัศน์มีราคาแพงมาก และมีเครื่องรับน้อย ปัจจุบันนี้โลกก้าวไกลอย่างมาก ทั้งการประเภทของทีวีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทีวีแอนะล็อก ทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี หรือแม้แต่ทีวีอินเทอร์เน็ต หรือ ไอพีทีวี แม้แต่สื่อชนิดใหม่ที่พกพาไปไหนก็สะดวกอย่าง ทีวีแอปพลิเคชัน หรือแม้แต่วิดีโอสตรีมมิง ที่ตอนนี้กลายเป็นสื่อสามัญประจำตัวไปแล้วเรียบร้อย

แต่ถ้าพูดถึง "ทีวี" คงจะย้อนกลับไปเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ที่ ฟิโล ฟาร์นสเวิร์ธ ได้กำเนิดเครื่องรับโทรทัศน์เครื่องแรกของโลกได้เป็นผลสำเร็จ จนกระทั่งมีการส่งสัญญาณโทรทัศน์หลายต่อหลายครั้ง และสถานีโทรทัศน์ของวิทยุบีบีซีจากอังกฤษ กลายเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลกที่เริ่มทำการออกอากาศเป็นการทั่วไป แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ W2XB หรือปัจจุบันคือ WRGB ของสหรัฐ เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลกที่ออกอากาศ ในเดือนมกราคม ปี 1928 (พ.ศ. 2471 (2470 ตามการนับแบบเก่า))

สำหรับภูมิภาคเอเชียนั้น ประเทศไทยเองหวังเป็นประเทศแรกที่มีโทรทัศน์ แต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ทำให้กิจการทีวีของไทยต้องหยุดชะงักลง ทำให้ญี่ปุ่น กลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ส่งสัญญาณโทรทัศน์ ในปี 1953 (พ.ศ. 2496) จากนั้น ฟิลิปปินส์ก็มีสถานีโทรทัศน์ขึ้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ในชื่อสถานี DZAQ-TV (ของ ABS-CBN แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วตั้งแต่ปี 2020) ต่อมาในปี 1955 (พ.ศ. 2498) สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม เริ่มออกอากาศครั้งแรก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย และประเทศแรกในเอเชียภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ (ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เป็นเกาะ) ที่มีการส่งสัญญาณโทรทัศน์ขึ้น

พัฒนาการของทีวีเริ่มคืบหน้าไปยังรวดเร็ว โทรทัศน์สีเกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐ เมื่อปี 1941 และเต็มรูปแบบในปี 1953, โทรทัศน์เคเบิลในปี 1950, โทรทัศน์ดาวเทียมในปี 1976, ไอพีทีวีในยุค 90, ทีวีในระบบดิจิทัลในปี 1994 (ภาคพื้นดินเริ่มในปี 1998), ระบบภาพ HD ในปี 1998, 4K ในปี 2014 และ 8K ในปี 2019

พัฒนาการต่าง ๆ ของโทรทัศน์ ตั้งแต่ยุคก่อนกำเนิด ในฐานะโทรทัศน์ระบบเครื่องกล จนกระทั่งเป็นระบบไฟฟ้า และปัจจุบันในยุคโลกาภิวัฒน์ โทรทัศน์ในรูปแบบที่สามารถติดตัวพกพาไปง่ายดาย สะท้อนให้เห็นว่า โทรทัศน์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนการก้าวหน้าไปโดยลำดับ เส้นเวลาโทรทัศน์ของโลก จะบ่งบอกถึงรายละเอียดที่มาของโทรทัศน์ในยุคต่าง ๆ ให้ได้ทราบกันอย่างละเอียด

W2XB (WRGB ในปัจจุบัน) หนึ่งในสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลก
ที่มา: http://www.earlytelevision.org/w2xb.html

 

  • 1923 (2466) - ชาร์ลส์ ฟรานซิส เจนกินส์ นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์โทรทัศน์เครื่องกลโดยอาศัยเครื่องรับวิทยุถ่ายทอดภาพเคลื่อนไหวได้
  • 1 กุมภาพันธ์ 1953 (2496) - เอ็นเอชเค แพร่ภาพโทรทัศน์ขาวดำอย่างเป็นทางการ ด้วยกำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ ที่ช่องสัญญาณที่ 3 กรุงโตเกียว (สัญญาณเรียกขาน: JOAK-TV)
  • 24 มิถุนายน 1955 (2498) - สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม เริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ
  • 25 มกราคม 1958 (2501) - สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 เริ่มออกอากาศในภาพขาว-ดำ จากย่านสนามเป้า เขตดุสิต (ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตพญาไท)
  • 25 พฤศจิกายน 1967 (2510) - สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เริ่มแพร่ภาพอย่างเป็นทางการ ด้วยการถ่ายทอดสดการประกวดนางสาวไทย จากพระราชวังสราญรมย์
  • 1 เมษายน 2014 (2557) - ทีวีดิจิทัลเมืองไทยทั้ง 27 ช่อง เริ่มทดลองออกอากาศ
  • 2 ธันวาคม 2015 (2558) - วันแรกที่เลขช่องทีวีดิจิทัลและดาวเทียม/เคเบิล เป็นเลขเดียวกันทุกแพลตฟอร์ม
  • 26 มีนาคม 2020 (2563) - ไทยทีวีสีช่อง 3 ยุติการออกอากาศระบบแอนะล็อกทั่วประเทศ โดยเปลี่ยนโลโก้ช่อง 3 เอชดี จากโลโก้ปลาคาร์ฟเป็นแบบโลโก้ช่อง 3 ออริจินัลเดิม ถือเป็นการปิดตำนานทีวีแอนะล็อกของไทยอย่างสมบูรณ์
  • 31 สิงหาคม 2020 (2563) - แก๊งการ์ตูนแชนแนล ยุติการออกอากาศผ่านระบบออนไลน์ ปิดฉากช่องการ์ตูนของค่ายโรสที่ยาวนานถึง 11 ปี
  • 27 เมษายน 2021 (2564) - ดิสนีย์ประกาศปิดช่องโทรทัศน์ดาวเทียมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวน 18 ช่อง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ในปีเดียวกัน

 

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2564

สรุปข่าววันที่ 12 มกราคม 2564

สรุปข่าว-เหตุการณ์ วันที่ 12 มกราคม 2564 รวบรวมโดย ประชาสังเคราะห์

**พระราชสำนัก**

-ว่างพระราชกิจ-

**48กรุ๊ป**

  • สมาชิก BNK48 เดินทางประชาสัมพันธ์เพลง "Warota People" ผ่าน ร.ไทยบันเทิง (ไทยพีบีเอส), นิวส์พลัส, ร.นานาน่า (จีเอ็มเอ็ม 25)

**โควิด-19**

  • นายกรัฐมนตรีเผย มีนโยบายผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยจะมีเงินเยียวยาจำนวน 3,500 บาท ต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน
  • ผู้ป่วยโควิด-19 วันนี้ เพิ่มขึ้น 287 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 153 ราย ค้นหาเชิงรุก 125 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศ 9 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 10,834 ราย ผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 67 ราย
  • ขณะที่โควิด-19 ทั่วโลก อยู่ที่ 9 ล้านราย เสียชีวิตเกือบ 1.9 ล้านราย สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยใหม่ 45,533 ราย

**ข่าวการเมือง**

  • ประธาน สส. ตรวจเยี่ยมการทำความสะอาดภายในที่ประชุม ส.ส. เพื่อสร้างความมั่นใจ ก่อนจะมีการประชุม ส.ส. ในวันที่ 20-22 ม.ค. นี้

**ข่าวในประเทศ**

  • ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้ลดค่าไฟ-ค่าน้ำ ช่วยเหลือบรรเทาประชาชนจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19
  • สิ้นหลวงพ่อหนาน วัดสุวรรณสรรค์ เกจิชื่อดังของระยอง ด้วยลักษณะท่านั่งขัดสมาธิ สิริอายุ 87 ปี พรรษา 68 เตรียมจัดพิธีสรงน้ำพระราชทานในวันพรุ่งนี้

**เบ็ดเตล็ด**

  • "นีลเส็น" เผยเรตติ้งทีวีดิจิทัลประจำปี 2563 ช่อง 7-ช่อง 3 ยังรักษาอยู่ที่ 1 และ 2 ด้วยเรตติ้งเกิน 1 ขณะที่ โมโน-เวิร์คพอยท์-วัน 31 อยู่ที่ 3-5 ตามลำดับ

TOP 3 HASHTAG OF THE DAY

*** เวลา 12.00 น.***
1. #ช้อปLazadaกับBrightWin
2. #ส่งกําลังใจให้มิกซิว
3. #400KwithloveYinyin

*** เวลา 16.00 น.***
1. #EFMFandomxเตนิว
2. #Shopeeไม่ต้องสาระแน
3. #EFMFandomxSBFIVE

***เวลา 21.00 น.***
1. #หวานใจมิวกลัฟ
2. #XiaoZhanxMarvelousCity
3. #Zokzakx5GiftsGulf
(ที่มา: https://getdaytrends.com/thailand/)

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563

50 ปี ช่อง 3 กับเส้นทางสู่ทีวีแถวหน้าของไทย

เรื่อง: PSK Founder

25 มีนาคม 2563

เป็นวันที่ประเทศไทยจะต้องบันทึกหน้าประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์อีกครั้ง

โทรทัศน์ระบบที่คุ้นหน้าคุ้นตามาตลอด 65 ปี อย่าง "ทีวีเสาก้างปลา" หรือ "เสาหนวดกุ้ง" หรือเรียกอย่างทั่วไปว่า "ทีวีแอนะล็อก"

ถึงเวลาต้อง "สิ้นสุดลง"

ถ้าหากย้อยกลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน สถานีโทรทัศน์สีแห่งที่ 2 ของไทย ที่ชื่อช่อง "3" ถือกำเนิดจากการร่วมทุนของ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด และสกุลมาลีนนท์ โดยจัดตั้ง บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด โดยมี "วิชัย มาลีนนท์" เป็นผู้วางรากฐานและตั้งต้นสถานีแห่งนี้ และยังได้รับเกียรติจากท่านจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น เป็นประธานในการเริ่มออกอากาศ ณ เวลา 10:00 น. ของวันที่ 26 มีนาคม 2513

ในระยะแรก ช่อง 3 ออกอากาศได้เพียงแค่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงรวม 18 จังหวัด มีที่ทำการตั้งต้นที่อาคารพื้นที่ 6 ไร่เศษ ในเขตหนองแขม ฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร และตั้งสำนักใหญ่อยู่ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในฝั่งพระนคร

สมัยแรกๆ ช่อง 3 ออกอากาศจำพวกภาพยนตร์ชุดและละครจากต่างประเทศ ต่อมาในปี 2519 ได้ถือกำเนิดละคร "อ่านบท" และ "อัดเทป" เรื่องแรก แทนการออกอากาศสด ในเรื่อง "ไฟพ่าย" นำแสดงโดย ภัทรวดี มีชูธน และ สมภพ เบญจาธิกุล

ปี 2521 ถือเป็นมิติใหม่ของวงการข่าว ด่วยการถ่ายทอดข่าวต่างประเทศผ่านดาวเทียม โดยมีหลักการคือ บันทึกเทปจากฮ่องกงในช่วงเช้ามืดแล้วส่งเทปผ่านเครื่องบินเพื่อออกอากาศในช่วงค่ำ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ร่วมมือกับไทยทีวีสีช่อง 9 ถ่ายทอดข่าวร่วมระหว่างปี 2527 - 2529 หลังจากนั้นก็แยกทางให้ช่อง 3 ออกอากาศข่าวด้วยตนเอง

ภาพยนตร์ต่างประเทศหลายเรื่องล้วนยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชมตลอดมา ฝั่งอเมริกามี The A-Team, ฝั่งฮ่องกง/ไต้หวัน มี เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้, เปาบุ้นจิ้น, กระบี่ไร้เทียมทาน จนมาถึงยุคละครเกาหลี แดจังกึม, ทงอี เป็นต้น ล้วนสร้างกระแสต่อผู้ชมมากมาย

เรื่องของละคร ผมอาจไม่ได้พูดมากนัก แต่ขอสรุปสั้นๆ ละกัน

ภายหลังละครไฟพ่ายแล้ว ก็มีละครที่สร้างกระแสมากมาย ที่จดจำกล่าวขานมากที่สุดมีทั้ง "สงครามเก้าทัพ", "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช", "วนาลี", "สี่แผ่นดิน" จนมาถึงละครยุคใหม่ "สะใภ้ไร้ศักดินา", "สุดรักสุดดวงใจ", "สวรรค์เบี่ยง", "สูตรเสน่หา", รอยไหม", "ทองเนื้อเก้า", ละครชุด "สี่หัวใจแห่งขุนเขา", ละครชุด "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ", "ข้าบดินทร์", "นาคี" จนมาถึง "บุพเพสันนิวาส" ที่สร้างกระแสเป็นละครที่มีผู้ชมมากที่สุดในทีวีดิจิทัลเมืองไทย และยังสร้างปลุกกระแสในการท่องเที่ยวสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ของไทยด้วย

ละครสำหรับเยาวชน ประกอบด้วยหลายเรื่องที่ยังอยู่ในใจของทุกคน ทั้ง "6/16 ร้ายบริสุทธิ์ > น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์" หรือจะเป็นละครแนวสร้างสรรค์สังคมอย่าง "วัยแสบสาแหรกขาด" ซึ่งทำมาแล้วทั้งสองภาค ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน

ด้านรายการประเภทอื่นๆ มีหลายรายการที่เรตติ้งสูง หรือกระแสโด่งดังกลายเป็นที่กล่าวขวัญมากมาย พอสังเขปได้ดังนี้

"เณรน้อยเจ้าปัญญา" การ์ตูนญี่ปุ่นช่องทีวีอาซาฮิ ที่อยู่คู่กับช่อง 3 มานานถึง 33 ปี ที่มีคติสอนใจทุกตอน ตอนนี้ก็ยังออกอากาศอยู่

"ฝันที่เป็นจริง" รายการของบริษัทบอร์น ของ ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่เสนอละครสั้น และสัมภาษณ์บุคคลที่ต่อสู้กับโชคชะตาอันยากลำบาก รายการนี้ถือว่าเป็นใบแจ้งเกิดให้กับไตรภพเลยทีเดียว

เช่นเดียวกันกับ "ทไวไลท์โชว์" รายการวาไรตี้รูปแบบใหม่ ที่ออกอากาศยาวนานถึง 10 กว่าปี แถมช่วงระยะหนึ่งได้ขยายเวลามากถึง 3 ชั่วโมง ปัจจุบันถึงแม้เปลี่ยนชื่อเป็น "ทูเดย์โชว์" แต่เอกลักษณ์ที่ไม่เปลี่ยนคือ ช่วงทอล์กโชว์ ที่ตอนท้ายจะมอบรูปภาพขนาดใหญ่ให่แขกรับเชิญทุกคน

"สีสันบันเทิง" เป็นอีกหนึ่งรายการที่อยู่คู่ช่อง 3 มาตลอด นำเสนอผลงานละคร เบื้องหลังละคร ข่าวดาราช่อง 3 ให้ได้ติดตามก่อนเข้าละครหลังข่าว

"สมาคมชมดาว" รายการแรกที่โพลีพลัสป้อนให้ช่อง 3 เป็นวาไรตี้ทอล์กโชว์คุยกับดาราที่มีชื่อเสียง ซึ่งถึงแม้ไม่มีแล้ว แต่ก็มีรายการแนวเดียวกันมาสานความสนุกอย่างต่อเนื่องทั้ง "รักเอย", "ราตรีสโมสร", "ฉันค้างคืนกับซุปตาร์" จนถึง "3 แซ่บ" ในปัจจุบัน

"ตีสิบ" ถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่ยาวนานถึงปัจจุบัน มีทั้งสนทนา ร่วมไปถึง "ดันดารา" ที่สร้างดารามากมายประดับวงการ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายรายการตามวาระ ที่สร้างความสุขและความสนุกมากมาย

ด้านรายการข่าว ช่อง 3 ถือเป็นผู้นำด้านข่าวในช่วงยุค 2000 เปิดรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" จนได้รับความนิยมสูง จากการจัดรายการของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และมีช่วงหนึ่งที่ขยายเวลาถึง 3 ชั่วโมงเศษ ตอนหลังๆ ก็มีคู่แข่งมากมาย อีกหนึ่งรายการคือ "ข่าว 3 มิติ" ของกิตติ สิงหาปัด ซึ่งอยู่มายาวจนถึงปีที่ 13 แล้ว แต่ยังคงเป็นข่าวรอบดึกที่ได้รับความนิยมในด้านเนื้อหา

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ขอเอ่ยถึงนักแสดงที่มีชื่อเสียง ทั้งเก่าและใหม่ ที่สร้างบุคลากรทางด้านการแสดงตั้งแต่ตั้งโรงเรียนฝึกการแสดง จนถึงนักแสดงยุคกลาง และนักแสดงหน้าใหม่ ที่หลายๆ คนต่างชื่นชอบ

อวสานช่อง 3

ถึงแม้ในปี 2557 - 2562 ช่อง 3 จะมี 4 ช่อง ซึ่งมากที่สุดในบรรดาทีวีภาคพื้นดิน ช่อง 3 แฟมิลี, ช่อง 3 เอสดี คือสองช่องที่ยอมปิดตามสภาพเศรษฐกิจ

ในปี 2563 ก้าวสู่ "50 ปี" ช่อง 3 เอชดี จะกลายเป็นช่องดิจิทัลเต็มตัว ภายหลังสัมปทานระหว่างบีอีซี และ อสมท สิ้นสุด

เท่ากับว่า 50 ปี ที่ วิชัย มาลีนนท์ ผู้ล่วงลับ ผู้วางรากฐานช่อง 3 ให้แข็งแรงมั่นคง จะสิ้นสุดลงด้วย

นับจากนี้ไป ช่อง 3 เอชดี ด้วยโลโก้เดิมมาจากแอนะล็อก แต่เพิ่มความแวววาว และเติม HD ข้างท้าย จะยังคงสร้างความสุขให้ผู้ชมทั้งประเทศอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจและสภาวะทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

ขอเชิญทุกคน ร่วมอำลาช่อง 3 แอนะล็อกทีวีช่องสุดท้ายของไทย ด้วยการติดแฮชแท็ก "#Goodbye3Analog" ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ของคุณ เพื่อร่ำลาตำนาน 50 ปี สู่ปฐมบทใหม่ที่ช่อง 33

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

ย้อนทีวี #2: ช่อง 3 48 ปี มอบอะไรให้ "คุ้มค่าทุกนาที" บ้าง?

นับเป็นเวลา 48 ปีที่จะใกล้ครบ 5 ทศวรรษแล้ว สำหรับสถานีโทรทัศน์สีแห่งที่ 2 ของไทย ในชื่อ "สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3" ซึ่งประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานีวิกพระราม 4 มีความเป็นมาอย่างยาวนานมาก คอลัมน์ย้อนทีวีวันนี้จะพาผู้อ่านไปดูสิว่าช่อง 3 แห่งนี้ มีที่มาอย่างไรและเคยฉายรายการอะไรแล้วบ้าง?

จุดเริ่มต้นของสถานีแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากนายวิชัย มาลีนนท์ ได้ก่อตั้งบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2510 เพื่อร่วมลงนามในสัญญาดำเนินการส่งสัญญาณโทรทัศน์ กับทางบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2511

จนกระทั่งวันที่ 26 มีนาคม 2513 ท่านนายกรัฐมนตรี จอมพลถนอม กิตติขจร ได้กระทำเปิดสถานีนี้ขึ้น เมื่อเวลา 10.00 น.

เหตุการณ์สำคัญของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3


วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2561

ย้อนทีวี #1: 6 ทศวรรษ ททบ.HD1

ขอต้อนรับสู่คอลัมน์ "ย้อนทีวี"

ทำไมต้องเป็นชื่อนี้

ย้อนทีวี เป็นการย้อนอดีตไปยังวงการโทรทัศน์ในอดีตที่น่าสนใจ และแกะเรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ในวาระต่างๆ ซึ่งคอลัมน์นี้จะมีทั้งสิ้น 24 ตอน และอาจจะมีภาคพิเศษ ที่พูดถึงข่าวใหญ่ของวงการทีวี รวมไปถึงรายการทีวีที่อยู๋ในความทรงจำอีกด้วย

และสถานีทีวีที่จะประเดิมคอลัมน์ "ย้อนทีวี" ในเอพิโซดแรกนี้ ก็คือ....

"60 ปี สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5"

ย้อนกลับไปเมื่อราวปี 2495 ช่วงที่รัฐบาลกำลังจะจัดตั้งบริษัท ไทยโทรทัศน์จำกัด อยู่ในขณะนั้น กระทรวงกลาโหมก็ได้ออกข้อบังคับ ว่าด้วยการมอบหมายงานแก่เจ้าหน้าที่กองทัพบก โดยกำหนดให้กรมการทหารสื่อสาร จัดตั้ง "แผนกกิจการวิทยุโทรทัศน์" ขึ้นตรงต่อกองการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ต่อมาในปี 2497 มีการกำหนดอัตรากำลังพลประจำแผนกโทรทัศน์ ในอัตราเฉพาะกิจ สังกัดกรมการทหารสื่อสาร จำนวน 52 นาย เพื่อปฏิบัติงาน ออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ผลิตและถ่ายทอดรายการโทรทัศน์

25 กุมภาพันธ์ 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ลงนามในคำสั่ง ทบ.(เฉพาะ) ที่ 107 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ประกอบด้วย พลเอกไสว ไสวแสนยากร เป็นประธานกรรมการ พันเอก (พิเศษ) การุณ เก่งระดมยิง เป็นเลขานุการ มีหน้าที่จัดทำโครงการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อมทั้งวางแผนการอำนวยการ และควบคุมการดำเนินกิจการวิทยุโทรทัศน์ รวมถึงมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติงานให้ได้ผลตามที่ราชการทหารมุ่งหมาย ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน ปีเดียวกัน ได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารที่ทำการสถานีโทรทัศน์ในบริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร โดยทำสัญญายืมเงินกับกองทัพบก เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้าง และจัดหาอุปกรณ์ จำนวน 10,101,212 บาท

จุดประสงค์ของการจัดตั้งสถานีในยุคแรก ได้มีความมุ่งหมายอยู่ 3 ประการ อันได้แก่ 1. เพื่อประโยชน์ในการฝึกศึกษาของเจ้าหน้าที่ทหารให้มีความรู้ความชำนาญ และสามารถติดตามความก้าวหน้าของวิทยาการด้านวิทยุโทรทัศน์ได้ 2. เพื่อบริการความรู้ความบันเทิงให้แก่ทหารและประชาชน และ 3. เพื่อเป็นสื่อสร้างความเข้าใจอันดี ระหว่างกิจการทหารของชาติกับประชาชน

วันที่ 25 มกราคม 2501 หรือวันนี้ เมื่อ 60 ปีก่อน ซึ่งตรงกับวันกองทัพไทยในขณะนั้น ได้เริ่มการออกอากาศสถานีอย่างเป็นทางการ จากอาคารสวนอัมพร ในชื่อว่า "สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7" โดยใช้ระบบ F.C.C (Federal Communication Committee) ภาพ 525 เส้น ขาวดำ ส่งสัญญาณทางช่องสัญญาณที่ 7 ด้วยเครื่องส่ง 5 กิโลวัตต์ และทวีกำลังเพิ่มขึ้นอีก 12 เท่า บนสายอากาศสูง 300 ฟุต รวมกำลังส่งออกอากาศทั้งสิ้น 60 กิโลวัตต์ ถือเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งที่สองของประเทศไทย และเป็นสถานีโทรทัศน์ย่าน VHF ความถี่สูง (ฺBand III) แห่งแรกของไทยอีกด้วย

ภายหลังจากอาคารที่ทำการสร้างแล้วเสร็จ จึงได้เริ่มออกอากาศเป็นประจำทุกวันพุธ ต่อมาเพิ่มวันออกอากาศในวันจันทร์ และวันศุกร์ รวม 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งยุคแรกนั้นจะเป็นรายการภาพยนตร์ต่างประเทศและสารคดีเป็นส่วนใหญ่

ปี 2506 สถานีได้ริเริ่มการจัดตั้งสถานีทวนสัญญาณด้วยระบบทรานสเลเตอร์ถ่ายทอดสัญญาณ ที่เขาวงพระจันทร์ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เพื่อถ่ายทอดรายการ "การฝึกธนะรัชต์" ให้ประชาชนได้รับชมการฝึกทหารในยามปกติ และปีเดียวกันนี้ก็ได้ริเริ่มรายการในภาคกลางวันด้วย

วันที่ 31 สิงหาคม 2508 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ ทอดพระเนตรกิจการของสถานี และปีเดียวกันนี้ยังได้จัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงความถี่ 94 เมกะเฮิร์ตซ์ เพื่อถ่ายทอดเสียงภาษาอังกฤษจากฟิล์มภาพยนตร์ที่ออกอากาศทาง ททบ. และในปี 2515 เริ่มจัดตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณไปส่วนภูมิภาคเป็นครั้งแรกด้วยระบบไมโครเวฟ ที่จังหวัดนครสวรรค์ และนครราชสีมา

วันที่ 3 ตุลาคม 2517 ได้มีการย้ายความถี่ของสถานี จากช่อง 7 ไปยังช่อง 5 พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น "สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5" โดยวันที่ 3 ธันวาคม ปีเดียวกัน ททบ. เริ่มออกอากาศด้วยภาพสีในระบบ PAL (Phase Alternation Line) เป็นครั้งแรกด้วยการถ่ายทอดสด พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต

ปี 2521 ททบ. ได้ร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เช่าช่องสัญญาณในดาวเทียมปาลาปา ของอินโดนีเซีย เพื่อส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไปยังสถานีถ่ายทอดสัญญาณในส่วนภูมิภาค รวมถึงการจัดตั้งห้องส่งส่วนภูมิภาคที่ จ.เชียงใหม่, อุบลราชธานี และสงขลา

ในปี 2539 ททบ. นับเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ติดกล้องบนเฮลิคอปเตอร์ รวมไปถึงรถถ่ายทอดสัญญาณนอกสถานที่ หรือ D-SNG เพื่อใช้สำหรับการรายงานข่าวและถ่ายทอดสดนอกสถานที่ และยังเป็นสถานีแรกที่ใช้ระบบควบคุมการออกอากาศแบบดิจิทัล (ถ้าสังเกตการแสดงอัตลักษณ์สถานีมุมจอในช่วงปีนั้น จะมีคำว่า DIGITAL อยู่ด้านล่างของตรา)

ในปี 2540 วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ได้ส่งผลให้ ททบ. ต้องปรับโครงสร้างใหม่ จากนั้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2541 จึงได้ก่อตั้ง TGN หรือ Thai TV Global Network ออกอากาศใน 170 กว่าประเทศทั่วโลก ให้คนไทยในต่างประเทศได้รับชมรายการของไทยได้อย่างทั่วถึง


วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ช่อง 7 สี เตรียมทยอยปิดทีวีแอนะล็อก 3 ระยะ เริ่ม 1 สิงหานี้เป็นต้นไป

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าตอนนี้ ทีวีดิจิทัลกำลังเริ่มได้รับความนิยม จนกระทั่งทีวีแอนะล็อกก็ทยอยปิดตัวลงไปตามลำดับ โดยเริ่มจากช่องไทยพีบีเอสเป็นเจ้าแรกที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ปิดไปอีก 12 จังหวัด คราวนี้ เป็นคิวของช่องมากสีอย่างช่อง 7 ที่เตรียมปิดแอนะล็อกตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้แล้ว

เรื่องนี้ ทางนายภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) ได้อนุมัติแผนการยุติการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบแอนะล็อกของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 ยุติภายในวันที่ 1 ส.ค. 2560 ได้แก่ สถานีชุมพร สงขลา สุโขทัย และพังงา รวม 4 สถานี

ระยะที่ 2 ยุติภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2560 พร้อมกับช่อง 11 ที่ยุติทั่วประเทศ ได้แก่ สถานีปาย แม่สะเรียง ลำปาง กาญจนบุรี ยะลา ตราด นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ระนอง แพร่ สตูล และบุรีรัมย์ รวม 12 สถานี

ระยะที่ 3 ยุติภายในวันที่ 16 มิ.ย.2561 เป็นการยุติพร้อมกับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยเป็นการปิดในสถานีส่งสัญญาณที่เหลือคือ สถานีหัวหิน เมืองพัทยา  สกลนคร อุบลราชธานี เชียงราย มุกดาหาร ตาก ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เลย ระยอง ขอนแก่น เชียงใหม่ นครราชสีมา มหาสารคาม หนองคาย สระแก้ว ตรัง และกรุงเทพมหานคร รวม 19 สถานี

สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เริ่มแพร่ภาพเป็นครั้งแรก ในการประกวดนางสาวไทย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2510 จากนั้นจึงออกอากาศอย่างเต็มรูปแบบ โดยปัจจุบัน ออกอากาศทางทีวีดิจิทัลที่หมายเลข 35 โดยใช้ MUX 2 ของ ททบ ณ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีเรตติ้งทั่วประเทศอยู่ที่ 2.692 โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่ 2.420

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประชาสังเคราะห์, ยามเฝ้าจอ, Nelsen

วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

Project S 4 เรื่อง 4 รส 4 กีฬา ที่วัยรุ่นควรดูแล้วควรเล่น!

หลังจาก Project S โปรเจกต์ละครชุดของจีดีเอช ห้าห้าเก้า และนาดาว บางกอก ของผู้กำกับเลือดใหม่ 4 ท่าน คือ เสือ-พิชย จรัสบุญประชา, บอส-นฤเบศ กูโน, พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ และ กุ๊ก-ธนีดา หาญทวีวัฒนา ภายใต้การควบคุมและดูแลโดยสองโปรดิวเซอร์สุดฮอต ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ และ ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร ซึ่งได้มีการบรวงสรวงตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ตอนนี้ เราก็ได้ทราบแล้วว่า ละครชุดนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 เรื่อง 4 รสด้วยกัน ดังนี้

1. “วอลเลย์บอล” (ใช้ชื่อเรื่องว่า Strike! (สไปก์!)) นำแสดงโดย แบงค์-ธิติ, โอบ-โอบนิธิ, กุ๊กไก่-ภาวดี, อัด-อวัช

2. “ยิงธนู” นำแสดงโดย ฟรัง-นรีกุล, ต้าเหนิง-กัญญาวีร์, เจเจ-กฤษณภูมิ, นน-ชานนท์

3. “สเกตบอร์ด” นำแสดงโดย เจมส์-ธีรดนย์, แพท-ชญานิษฐ์, แพรว-นฤภรกมล

4. “แบดมินตัน” นำแสดงโดย ต่อ-ธนภพ, สกาย-วงศ์รวี, เบลล์-เขมิศรา

Project S มีกำหนดการที่จะออกอากาศในเดือนพฤษภาคมนี้ทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 และแอปไลน์ทีวี ฉะนั้น ใครที่อยากสนใจกีฬาด้านไหนอย่าลืมติดตามซีรีส์ชุดนี้ด้วยนะจ้ะ

ที่มา - Pantip.com

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ศาลปกครองกลาง ไฟเขียว กสทช. เชือด "ช่อง 3 อนาล็อก"

 

ล่าสุด ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำขอของบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ผู้ฟ้องคดี ที่ขอให้ศาลสั่งชะลอการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์ แครี่) ในวันที่ 25 พ.ค. ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่บจ. บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ยื่นฟ้อง กสทช. และพวกรวม 3 ราย เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนกฎดังกล่าว เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลเห็นว่า กสทช. มีอำนาจออกประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปและ บจ. บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 75 ของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ จึงต้องปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ทั้งนี้ ยังไม่พบว่า ประกาศฯ จะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เข้าเงื่อนไข ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศ กสทช. ตามที่บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ร้องขอ

อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 กันยายน 2557 จะครบ 100 วัน ตามที่ กสท. ต่ออายุทีวีอนาล็อกบนดาวเทียม 100 วัน อย่างไรก็ตาม ช่อง 3 อนาล็อก จะหาทางคู่ขนานได้หรือไม่  นี่ก็เป็นเรื่องที่จะต้องจับตารอดูกันต่อไป

ที่มา - INN

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

OTA รอบใหม่ของ GMM Z

หลังจากที่ GMM Z ได้แต่งงานกับ CTH แล้ว เมื่อไม่นาน มีการ OTA ซึ่ง 10 ช่องแรกของกล่องก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย

  • 0 O Shopping (ไม่เปลี่ยนแปลง)
  • 1 ช่อง 3 (ไม่เปลี่ยนแปลง)
  • 2 ช่องวัน (ไม่เปลี่ยนแปลง)
  • 3 ไทยรัฐทีวี (ไม่เปลี่ยนแปลง)
  • 4 GMM Channel (ไม่เปลี่ยนแปลง)
  • 5 TVD Shop (Shop at Home)
  • 6 PPTV HD
  • 7 ช่อง 7 HD
  • 8 O Shopping
  • 9 MCOT HD
  • 10 GTH On Air
สำหรับช่องใหม่ที่น่าสนใจของ GMM Z ในการ OTA รอบใหม่ เช่น Stadium X กับ ลูกทุ่งเงินล้าน (อยู่ในช่วงทดลองการออกอากาศ